การตลาดออนไลน์เป็นอุสาหกรรมที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ตั้งแต่ยุคแรกๆของอินเทอร์เน็ตในปี 90 ทุกวันนี้เราสามารถเข้าถึงข้อมูลจำนวนมากได้เพียงปลายนิ้ว ต่างจากในสมัยก่อน การเปลี่ยนโลกทัศน์ครั้งนี้กลายเป็นการพลิกโฉมโฆษณาไปตลอดกาล ยุคที่บริษัททำการโฆษณาผ่านทีวี นิตยสาร และหนังสือพิมพ์เป็นสือหลัก แทบจะเรียกได้ว่าล้าหลังไปแล้ว ผู้คนหันมาเลือกใช้สินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น จนทำให้บริษัทที่ไม่ได้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือทำการตลาดตามไม่ทันและตกยุค
การตลาดออนไลน์ทำได้หลายวิธี และมันได้กลายเป็นคำที่ใช้เรียกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการใช้เทคโนโลยียุคนี้ ในการหาลูกค้ามากขึ้น มาดูกันว่าวิธีเหล่านี้มีอะไรบ้าง
Social Media
เฟสบุค, ทวิตเตอร์, และ อินสตราแกรม เป็นสามตัวอย่าง ของสิ่งที่เรียกกันว่าโซเชีลยมีเดีย มันเป็นสถานที่จำลอง เว็บไซต์ แพล็ตฟอร์ม หรือ อะไรก็ตามที่คุณอยากจะรียกมัน ที่ผู้คนสามารถแบ่งปันและรับข้อมูลเกี่ยวกับพวกเขาเอง หรือข้อมูลอื่นๆได้ด้วยคลิ๊กเดียวเท่านั้น ผู้คนใช้เวลามากกับโซเชีลยมีเดียจนทำให้บริษัทโฆษณาเสียลูกค้าหากไม่ใช้สื่อเหล่านี้เป็นช่องทางในการโฆษณาบ้าง และที่สำคัญสิ่งที่ผู้คนส่งผ่านโซเชียลมีเดียมีหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ วิดีโอ หรือทุกๆอย่างที่สามารถใส่เข้าไปในเว็บไซต์ ดังนั้น การโฆษณาจึงเป็นไปได้หลากหลายมากขึ้น
SEO
SEO ย่อมาจาก (Search Engine Optimization)หมายถึง วิธีการทำให้เว็บมีผู้เข้าชมมากขึ้นโดยใช้ประโยชน์จาก Search Engine ซึ่งทำได้หลายวิธี Google น่าจะเป็นที่รู้จักกันดีและเป็นที่ที่คนใช้มากที่สุดหากต้องการข้อมูล อย่างไรก็ตาม ผู้ใช้ส่วนใหญ่จะเข้าเพียงเว็บไซต์ที่ติดหน้าแรกหรือติดสามอันดับแรกเท่านั้น นั่นหมายความว่าหากเราต้องการจำนวนคนเข้าเว็บมากขึ้น เราจะต้องอยู่บนหน้าแรก และหากไม่เป็นเช่นนั้น นั่นหมายความว่าเรากำลังเสียลูกค้าจำนวนมาก SEO คือเทคนิคในการสร้างเว็บไซต์ที่จะทำให้ติดหน้าแรกบน Search Engine
อีเมล คือช่องทางหนึ่งที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งลูกค้าและบริษัท รวมถึงการช่วยให้บริษัทหาลูกค้าใหม่ๆมากขึ้น เป้าหมายของวิธีการนี้คือการส่งอีเมลไปที่คนจำนวนมากจากการใช้งานอินเทอร์เน็ตของพวกเขา ลูกค้าคนเก่าอาจได้รับอีเมลเกี่ยวกับข้อมูลใหม่ๆของทางบริษัท ส่วนคนที่ยังไม่ใช่ลูกค้าอาจค้นพบบริษัทได้ผ่านช่องทางนี้
Advertising Service
คือการใช้บริการโฆษณา เป็นอีกหนึ่งวิธีการที่ใช้ในการตลาดดิจิตอลซึ่งบริษัทจะต้องจ่ายเงินซื้อ คำค้นหา จาก Search Engine เพื่อที่จะขึ้นหน้าแรกหากมีคนค้นหาคำเหล่านั้น รายได้กว่าร้อยละ 96 ของ Google มาจากการใช้วิธีนี้ ดังนั้น Adwords เป็นสิ่งที่ให้กำไรต่อ Google เป็นอย่างมาก Adwords และ SEO อาจฟังดูคล้ายๆกัน แต่ SEO เป็นการใช้ ทักษะ ความรู้ ความสามารถ และ ความเข้าใจ ในการสร้างเว็บไซต์ให้ติดอันดับ แทนการใช้เงินจ่าย ตัวอย่าง บริการโฆษณาของ Search Engine คือ PPC (Pay Per Click) ซึ่งได้แก่ Google AdWords Bing ads และ Yahoo Ads
การทำ PPC (Pay Per Click) คือการลงโฆษณาบน หน้า search result ของ search engine ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Google Bing Yahoo ฯลฯ ใน keyword ที่เกี่ยวข้องกับสินค้าหรือบริการของเรา วิธีนี้จะคล้ายๆกันกับการทำ SEO แต่ว่าการจัดตำแหน่งบนหน้า search result อาจจะดีกว่า อาทิเช่น อยู่ส่วนบนสุด ทางด้านขวา หรือล่างสุดของหน้าเป็นต้น ซึ่งการจัดตำแหน่งจะขึ้นอยู่กับค่าประมูล ที่เรียกว่า cpc (cost per click) เป็นค่าที่เรากำหนดไว้ว่าหากมีคนคลิ๊กเขามาเวปไซต์ของเราผ่านโฆษณานี้ เราจะต้องจ่ายเงินให้กับ search engine ครั้งละเท่าไหร่
โดยจะมีขั้นตอนหลักๆ ในการทำ PPC ดังนี้ 1. ทำการเปิด Account กับผู้ให้บริการ (Google, Yahoo, Bing, ฯลฯ) 2. เลือก keyword ที่เกี่ยวข้องกับบริการหรือสินค้า 3. จัดแยกแคมเปญและ Ad Group ให้สอดคล้องกับ keyword และกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 4. คิดข้อความที่ใช้โฆษณาและเลือกหน้าเวปที่ต้องการทำ ในแต่ละ Ad Group 5. ตั้งค่าโฆษณาและกำหนดงบประมาณที่ต้องใช้ในแต่ละ Ad Group 6. บริหารและจัดการโฆษณาจากนั้นทำการวิเคราะห์และปรับเปลี่ยนโฆษณา
หากมีข้อสงสัย สามารถเข้าไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
– How to Use Google AdWords
– How To Advertise Your Small Business Using Bing Ads
– Yahoo Gemini: Complete Guide to Yahoo’s Mobile & Native Advertising Offering